ขนมอบ

ประวัติขนมอบ

การทำขนมอบ

ประวัติความเป็นมาของขนมอบ







ขนมปังได้ชื่อว่าเป็นผลิตผลเพื่อยังชีวิต เป็นสัญลักษณ์ของความดีงาม ความอบอุ่น และความปลอดภัยมานาน
 ตั้งแต่สมัยคัมภีร์ไบเบิ้ล (Bibeical Times) แต่ยังไม่มีใครกล้ายืนยันว่าผู้ใดทำขนมปัง
เป็นคนแรกเท่าที่เล่าฟังกันต่อๆ มาว่า ชาวสวิสที่อาศัยอยู่ตามทะเลสาบในยุคหินเป็นผู้ริเริ่มนำเมล็ดข้าวสาลี 
มาบด โดยใช้ครกหยาบๆ ตำแล้วนำไปผสมน้ำ เทส่วนผสมนี้ลงไปบนหินร้อนๆ เพื่อให้สุกผลที่ได้ก็คือ 
ขนมปังที่ขึ้นฟูโดยไม่ตั้งใจซึ่งค้นพบมากกว่า 3,000 ปีก่อนคริสตกาล ประวัติที่ยอมรับสืบเนื่องกันมาก
ก็คือพวกทาสในสมัยราชวงศ์อียิปต์ ได้ผสมก้อนแป้งที่ลืมทิ้งไว้ลงไปในแป้งที่ผสมเสร็จใหม่ๆ ผลก็คือได้ขนมปังที่
เบาและเลิศรส
ความรู้เกี่ยวกับการทำขนมปังได้แพร่หลายจากอียิปต์ไปสู่ภูมิภาคต่างๆ   
แถบเมดิเตอเรเนียนในกลุ่มของเยรูซาเล็มโบราณ รวมทั้งเมืองเล็กเมืองน้อยที่อยู่บนเส้นทางค้าขาย
ของพวกตะวันออกกลาง การทำผลิตภัณฑ์เบเกอรีได้เป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งในยุคนั้นขนมปัง
ที่ผลิตออกมาจะมีขนาดเล็กซึ่งละม้ายคล้ายกับขนมปังโรลของเราในปัจจุบันคนโบราณส่วนมากนิยมใช้
ขนมปังแบนๆ ที่ไม่ทิ้งให้ขึ้นฟูในโอกาสพิเศษ เช่น พิธีทางศาสนา และพวกชาวเขาจูดีน ซึ่งมีอาชีพเลี้ยงสัตว์
ก็นิยมขนมปังประเภทนี้อยู่ เนื่องจากไม่คุ้นกับอารยธรรมแผนใหม่
พวกกลุ่มพ่อค้าชาวโพนิเชียน เป็นพวกแรกที่เผยแพร่การทำขนมปังในขณะที่พวกเขามุ่ง
ไปค้าขายทางตะวัน-ออก ไปยังเปอร์เชียและไกลกว่านั้น และดูเหมือนว่าพวกกรีกยุคแรก
ได้เรียนรู้การทำขนมปังที่ขึ้นฟูมาจากพวกกลุ่ม  
โพนิเชียนในปี 1,000 ก่อนคริสตกาล
ในศตวรรษต่อมาวิวัฒนาการในศิลปการทำขนมปังก้าวหน้ามาก พวกกลุ่มก้าวหน้ากรีกได้คิดประดิษฐ์
หินโม่-แป้งจากข้าวสาลี และผลิตภัณฑ์ออกมาถึงสี่ชนิด ซึ่งชนิดหนึ่งนั้นเป็นแป้งขาว (White flour)
ได้ดัดแปลงเตาอบแบบอียิปต์โบราณมาเป็นเตาอบใช้อิฐก่อเป็นรูปโดม ซึ่งมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 
พวกกรีกนั้นใช่แต่จะเป็นผู้ผลิตขนมปังขาวที่มีคุณภาพดีเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังได้ผลิตขนมเค้ก และขนมนานาชนิด 
โดยใช้ส่วนผสมของนม น้ำมัน เหล้าไวน์ เนยแข็ง และน้ำผึ้งผสมเข้าไปด้วย
ตลอดกาลสมัยเหล่านี้ จากกรีกไปโรม และเลยไปถึงยุโรปตอนกลาง ศิลปการทำขนมอบดำเนินไปอย่างเชื่องช้า
 แต่ได้ผลคงที่ความเจริญก้าวหน้าอย่างมหาศาลทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ทำให้เกิด
วิวัฒนาการอย่างใหญ่หลวงแก่การทำขนมอบในปัจจุบัน  พื้นฐานของวิวัฒนาการนี้ 
เนื่องมาจากสาเหตุใหญ่ 2 ประการ คือ ในกลางปี 1800 ได้มีการแนะนำเกี่ยวกับโรงโม่แป้งสาลี 
และได้มีการผลิตแป้งสาลีที่ดีออกสู่ตลาด และในตอนปลายศตวรรษนั้นได้มีการใช้ยีสต์ 
ซึ่งเป็นตัวสำคัญในการทำให้ขนมปังขึ้นฟู และมีการใช้อย่างแพร่หลาย
ในปัจจุบันนี้การทำขนมปังอบนั้นนับว่าเป็นศิลปอย่างหนึ่ง ซึ่งต้องการความชำนาญเป็นอย่างมากในกรณีที่ทำเป็น
จำนวนมากเพื่อจำหน่ายจะพบอุปสรรคนานัปการทางด้านเครื่องมือ ทุกวันนี้ความเจริญก้าวหน้าของการทำ
ขนมอบหาได้ขึ้นอยู่กับผู้ทำอย่างเดียวไม่โรงโม่แป้งซึ่งสามารถผลิตแป้งที่มีคุณภาพดี และผู้คิดประดิษฐ์
เครื่องทุ่นแรงเช่นเตาอบที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพ เครื่องผสมและเครื่องปั้นให้เป็นรูปแบบ 
และสุดท้ายก็คือนักประดิษฐ์และช่างเทคนิคที่ได้ทุ่มเวลาในการค้นคว้าในเรื่องคุณสมบัติของก้อนแป้ง
ที่มีส่วนที่ช่วยให้อุตสาหกรรมด้านนี้เจริญก้าวหน้าไปอย่างไม่หยุดยั้งอีก
ด้วย

   
                                        

ความหมายของขนมอบ













ขนมอบที่มาจากทางชาติตะวันตกที่เรามักเรียกรวม ๆ กันว่าขนมปัง หรือเบเกอรี่นั้นมีหลายชนิด 
รูปร่างหน้าตาก็ต่าง ๆ กันไปทั้งดัดแปลง ปรับปรุง เพิ่มเติมทั้งรูปทรงและรสชาติตามชอบใจ จริง ๆ 
แล้วเราสามารถแบ่งได้เป็นประเภทคร่าว ๆ และเรียกชื่อตามประเภทได้ การแบ่งประเภท
 และเรียกชนิดของขนมอบให้ถูกนั้น จะทำให้เราสามารถแยกแยะได้ทั้งรูปทรง รสชาติ 
และที่สำคัญคือวิธีการทำขนมซึ่งถ้าเรารู้พื้นฐานอย่างง่าย ๆ แล้วก็จะสามารถนำไปสร้างสรรค์ 
คิดค้นได้เพิ่มเติมตามจินตนาการของเราเองยังไงล่ะคะ ขนมปัง ทุกคนก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า
เจ้าก้อนกลม ๆ สีน้ำตาลเหลืองหอมเนื้อข้างในสีขาวนุ่ม ๆ ไงล่ะ ใช่แล้วค่ะ ขนมปังทำจากแป้งสาลีผสมน้ำ
 ยีสต์คือตัวทำให้ฟู มีเกลือและอาจมีส่วนผสมอื่น ๆ เช่นน้ำตาล นมผง ไข่ ไขมัน เนย หรือผลไม้เครื่องเทศต่าง ๆ



ประเภทของอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำขนมอบ

1.  อุปกรณ์ขนาดเล็ก



ที่ร่อนแป้ง หรือแร่ง
ที่ร่อนแป้งชนิดละเอียด


พิมพ์เค้ก
ใช้สำหรับทำเค้กชนิดต่างๆ


ถ้วยตวงของเหลว(แก้ว)

ใช้สำหรับตวงของเหลวเช่น น้ำ นม
ถ้วยตวงของเหลว(พลาสติก)
ใช้สำหรับตวงของเหลวเช่น น้ำ นม
ที่ปาดเค้ก
ใช้สำหรับแต่งหน้าเค้กให้เป็นลายเส้น
ถ้วยตวงของแห้ง
1 ชุด มี 4 ขนาด
1 ถ้วย 1/2 ถ้วย 1/3 ถ้วย 1/4 ถ้วย
พายยาง
สำหรับปาดและคนส่วนผสม ควรเลือกชนิดที่เป็นยาง 

ช้อนตวง
มี 4 ขนาดคือ
1 ช้อนโต็ะ 1ช้อนชา 1/2 ช้อนชา 1/4 ช้อนชา

กระบอกกดคุกกี้
ใช้สำหรับกดคุกกี้ให้เป็นรูปทรงต่างๆ
ถาดอบสี่เหลี่ยม
ถาดอบส่วนมากจะทำจากอลูมิเนียม
ใช้ในการทำขนมอบ

ตาชั่ง
ใช้สำหรับชั่งส่วนผสมและอื่นๆตามต้องการ


หัวตีแบบต่างๆ



หัวตีใบไม้
สำหรับตีครีมแต่งหน้าเค้ก,ทำเค้ก,คุกกี้


หัวตีตะกร้อ
สำหรับตีไข่กับน้ำตาลในการทำเค้ก



หัวตีตะขอ
สำหรับนวดแป้ง เช่น ขนมปังต่างๆ 



ที่ตีไข่
สำหรับตีด้วยมือ





ที่ตัดเนย
เบลนเดอร์ ใช้สำหรับตัดเนยกับแป้งให้เข้ากัน 



กระดาษไข
ใช้สำหรับรองถาดในการทำเค้ก





อ่างผสม
มีหลายชนิด หลายขนาด ทำด้วยแก้วพลาสติก สแตนเลส
ใช้ในการผสมแป้ง



แปรง
ใช้สำหรับทาเนย ทาไข่ ทาพิมพ์ ปัดแป้ง
มีทั้งชนิดแข็งและนิ่ม




ไม้คลึงแป้ง
สำหรับรีดแผ่นแป้งให้เรียบแบน เช่น แป้งพาย พิซซ่า เพรสตี้ 




สปาตูล่า
สำหรับกวาดและคนส่วนผสม ปาดครีม
แต่งหน้าเค้ก แซะขนมออกจากพิมพ์

มีด
สำหรับหั่นหรือตัดส่วนผสมบางชนิด เช่น เนื้อไก่,ผลไม้ 

2.  อุปกรณ์ขนาดใหญ่





เครื่องตีไข่ไฟฟ้า




เครื่องผสมอาหาร


เตาอบ

เตาอบที่ใช้ในการทำผลิตภัณฑ์ขนมอบ มีทั้งใช้ไฟฟ้า แก๊ส และน้ำมัน แต่ส่วนใหญ่จะใช้ไฟฟ้าและแก๊ส
มีหลายแบบหลายชนิดเช่น บางเตาจะเป็นตอนเดียวหรือ 2-3 ตอน ใช้อบขนมอบทุกชนิด


วัตถุดิบในการทำขนมอบ





กลิ่นต่างๆ
ได้มาจากสกัดเอาน้ำมันของผลไม้หรือผักหรือเป็นการทำเทียมขึ้นมา
เช่น กลิ่นวานิลา กลิ่นนมเนย กลิ่นใบเตย กลิ่นมะลิ กลิ่นส้ม ฯลฯ




นมข้นจืดระเหย หรือนมสด
นมข้นจืดระเหยจะมีความเข้มข้นกว่านมสด 2 เท่า เวลาใช้จะผสมน้ำเท่าตัว จะมีความเข้มข้นเท่ากับนมสด 

น้ำตาลทรายป่นละเอียด
น้ำตาลทรายขาวป่นละเอียด ทำให้ตีขนมได้ขึ้นฟู ดีและรวดเร็ว 

น้ำตาลไอซิ่ง
เป็นน้ำตาลที่ป่นละเอียดผสมกับแป้งข้าวโพดประมาณ 3 % เพื่อไม่ให้จับตัวกันเป็นก้อน 

ผงฟู
ผงฟูหรือเบคกิ้งโซดา ใช้ผสมกับแป้ง แล้วร่อนให้เข้ากันช่วยทำให้ขนมขึ้นฟู


มาการีน
มาการีน (เนยเทียม) ไขมันผสมระหว่างพืชและสัตว์ใช้แทนเนยสด

เนยขาว
เนยขาว ใช้ผสมในการทำคุกกี้ แต่งหน้าเค้ก และใช้ทาถาด เพื่อไม่ให้ขนมติดถาด

เนยมัฟฟิ่น Muffin
เนยมัฟฟิ่น เป็นเนยใช้สำหรับทำพายที่ทำให้แป้งแบ่งเป็นชั้นๆ มีลักษณะเหนียวเป็นขี้ผึ้ง

เนยสดจืด                                                              เนยสดเค็ม
มี 2 ชนิด คือ - เนยสดจืด กระดาษห่อจะเป็นสีเงิน
                    - เนยสดเค็ม กระดาษห่อจะเป็นสีทอง
          ใช้ทำ  - คุกกี้,เค้ก,พาย,ขนมปัง ฯลฯ           

แป้งสาลี
แป้งสาลี แบ่งเป็น 2 ประเภท
1.แป้งสาลีชนิดหนักหรือแข็ง ใช้ทำส่วนผสมขนมปัง
2. แป้งสาลีชนิดเบาหรืออ่อน ใชทำส่วนผสมเค้ก
ถ้านำแป้งทั้ง 2 ชนิดมารวมกัน คือแป้งเอนกประสงค์ ใช้ทำคุกกี้ และ พาย ฯลฯ








ประเภทของอุปกรณ์ที่ใช้ในการทำขนมอบ

1.  อุปกรณ์ขนาดเล็ก





ที่ร่อนแป้ง หรือแร่ง
ที่ร่อนแป้งชนิดละเอียด


พิมพ์เค้ก
ใช้สำหรับทำเค้กชนิดต่างๆ


ถ้วยตวงของเหลว(แก้ว)

ใช้สำหรับตวงของเหลวเช่น น้ำ นม
ถ้วยตวงของเหลว(พลาสติก)
ใช้สำหรับตวงของเหลวเช่น น้ำ นม
ที่ปาดเค้ก
ใช้สำหรับแต่งหน้าเค้กให้เป็นลายเส้น
ถ้วยตวงของแห้ง
1 ชุด มี 4 ขนาด
1 ถ้วย 1/2 ถ้วย 1/3 ถ้วย 1/4 ถ้วย
พายยาง
สำหรับปาดและคนส่วนผสม ควรเลือกชนิดที่เป็นยาง 

ช้อนตวง
มี 4 ขนาดคือ
1 ช้อนโต็ะ 1ช้อนชา 1/2 ช้อนชา 1/4 ช้อนชา

กระบอกกดคุกกี้
ใช้สำหรับกดคุกกี้ให้เป็นรูปทรงต่างๆ
ถาดอบสี่เหลี่ยม
ถาดอบส่วนมากจะทำจากอลูมิเนียม
ใช้ในการทำขนมอบ

ตาชั่ง
ใช้สำหรับชั่งส่วนผสมและอื่นๆตามต้องการ


หัวตีแบบต่างๆ



หัวตีใบไม้
สำหรับตีครีมแต่งหน้าเค้ก,ทำเค้ก,คุกกี้


หัวตีตะกร้อ
สำหรับตีไข่กับน้ำตาลในการทำเค้ก



หัวตีตะขอ
สำหรับนวดแป้ง เช่น ขนมปังต่างๆ 



ที่ตีไข่
สำหรับตีด้วยมือ





ที่ตัดเนย
เบลนเดอร์ ใช้สำหรับตัดเนยกับแป้งให้เข้ากัน 



กระดาษไข
ใช้สำหรับรองถาดในการทำเค้ก





อ่างผสม
มีหลายชนิด หลายขนาด ทำด้วยแก้วพลาสติก สแตนเลส
ใช้ในการผสมแป้ง



แปรง
ใช้สำหรับทาเนย ทาไข่ ทาพิมพ์ ปัดแป้ง
มีทั้งชนิดแข็งและนิ่ม




ไม้คลึงแป้ง
สำหรับรีดแผ่นแป้งให้เรียบแบน เช่น แป้งพาย พิซซ่า เพรสตี้ 




สปาตูล่า
สำหรับกวาดและคนส่วนผสม ปาดครีม
แต่งหน้าเค้ก แซะขนมออกจากพิมพ์

มีด
สำหรับหั่นหรือตัดส่วนผสมบางชนิด เช่น เนื้อไก่,ผลไม้ 

2.  อุปกรณ์ขนาดใหญ่





เครื่องตีไข่ไฟฟ้า




เครื่องผสมอาหาร


เตาอบ

เตาอบที่ใช้ในการทำผลิตภัณฑ์ขนมอบ มีทั้งใช้ไฟฟ้า แก๊ส และน้ำมัน
แต่ส่วนใหญ่จะใช้ไฟฟ้าและแก๊ส
มีหลายแบบหลายชนิดเช่น บางเตาจะเป็นตอนเดียวหรือ 2-3 ตอน ใช้อบขนมอบทุกชนิด 



                                                                                  เค้กเนยสด


ส่วนผสม 


แป้งเค้ก 2 ถ้วย 
ผงฟู 3 ช้อนชา 
เกลือ 1 /2 ช้อนชา 
ไข่ไก่ฟองเล็ก 4 ฟอง (หรือ 3 ฟองใหญ่) 
น้ำตาลป่น 1 ถ้วย 
เนยสด 3 /4 ถ้วย 
นม 1/ 2 ถ้วย 
วานิลา 1 ช้อนชา 



วิธีทำ

1. คนเนยให้นุ่ม ใส่น้ำตาลครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ คนไปทางเดียวกันจนเป็นครีม และน้ำตาลหมด (ใช้มือทดสอบดู ถ้าเนยเนียนมือ แสดงว่าใช้ได้แล้ว แต่ถ้าจับแล้วสากมือ แสดงว่าเนยกับน้ำตาลยังไม่เข้ากันดี จะทำให้ขนมมีเนื้อหยาบเมื่ออบสุกแล้ว) 
2. ค่อย ๆ ใส่ไข่ลงไปในครีมครั้งละ 1 ฟอง คนให้เข้ากับครีมก่อน จึงจะใส่ไข่ฟองต่อไป ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนหมด 
3. ร่อนแป้ง ผงฟู เกลือ เข้าด้วยกัน 2 ครั้ง 
4. ค่อย ๆ ใส่แป้งลงในครีมทีละ 2 - 3 ช้อนโต๊ะ คนตะล่อมเบา ๆ พอเข้ากัน โดยใช้วิธีพลิกจากข้างล่างขึ้นข้างบนพอแป้งเข้ากับครีม ใส่นม 1 - 2 ช้อนโต๊ะ คนแบบเดียวกันแล้วจึงใส่แป้งลงไปอีก ใส่แป้งสลับกับนมอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนแป้งและนมหมด จึงใส่วานิลาคนพอทั่ว 
5. ปูพิมพ์กลมขนาด 8 นิ้ว ด้วยกระดาษเฉพาะก้นพิมพ์ ทาไขมันให้ทั่วพิมพ์ เทขนมลงในพิมพ์ ใช้ด้ามส้อมคนไล่อากาศ 2 - 3 ที 
6. นำเข้าเตาอบ อบด้วยไฟ 375 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 45 นาที หรือจนขนมสุก ซึ่งขอบขนมจะหลุดออกจากพิมพ์ เพื่อความแน่ใจ ให้ใช้ไม้จิ้มตรงกลาง ถ้าไม่ติดไม้เป็นใช้ได้ จึงเอาออกจากพิมพ์ดึงกระดาษออก 




                                                                                 




ความรู้เกี่ยวกับขนมอบต่าง


การชั่ง ตวง วัด และน้ำหนักของวัตถุดิบต่าง ๆ ในการทำเบเกอรี่



หน้านี้ต้องบอกก่อนนะค่ะว่าไปก๊อปมาจากพี่จุ๋มค่ะ เพราะยากเก็บไว้ดูเองค่ะ ต้องขออนุญาตพี่จุ๋ม (แมด้วยนะค่ะ เพราะหน่องคิดว่ามันมีประโยชน์กับหน่องมากเลยค่ะ ขอบคุณค่ะ อีกส่วนหนึ่งการแปลงสูตร อุณหภูมิ และส่วนผสมทดแทน

นำมาจากเพื่อนคนหนึ่งค่ะ ส่งเมลมาให้ เลยนำมาผสมกันเลยค่ะ เจ็บใจตัวเองที่ทำเค้กไหม้ เลยต้องหาข้อมูลสักหน่อย



ตารางการชั่ง ตวง วัด3 ช้อนชา = 1 ช้อนโต๊ะ

4 ช้อนโต๊ะ = 1/4 ถ้วย
8 ช้อนโต๊ะ = 1/2 ถ้วย
12 ช้อนโต๊ะ = 3/4 ถ้วย
16 ช้อนโต๊ะ = 1 ถ้วย
1 ช้อนชา = 5 มิลลิลิตร
1 ช้อนโต๊ะ = 14.8 มิลลิลิตร
1 ถ้วย = 236.59 มิลลิลิตร
2 ถ้วย = 1 ไพน์
2 ไพน์ = 1 ควอต
4 ควอต = 1 แกลลอน
2 แกลลอน = 1 เป๊ก
4 เป๊ก = 1 บุชเชล
1 ออนซ์ = 28.35 กรัม
8 ออนซ์ = 1 ถ้วย
16 ออนซ์ = 1 ปอนด์
1 กิโลกรัม = 2.2 ปอนด์
1 ปอนด์ = 0.454 กิโลกรัม




ประเภทแป้งสาลี1 ถ้วย แป้งตราห่าน = 110 กรัม

1 ถ้วย แป้งตราว่าว = 95 กรัม
1 ถ้วย แป้งตราบัวแดง = 90 กรัม
1 ถ้วย แป้งตราพัดโบก = 90 กรัม




ประเภทน้ำตาล1 ถ้วย น้ำตาลทราย = 200 กรัม

1 ถ้วย น้ำตาลทรายแดง = 180 กรัม
1 ถ้วย น้ำตาลไอซิ่ง = 100 กรัม
1 ถ้วย น้ำผึ้ง = 340 กรัม




ประเภทไขมัน1 ถ้วย เนยสด = 227 กรัม

1 ถ้วย เนยขาว = 185 กรัม
1 ถ้วย มาร์การีน = 200 กรัม
1 ถ้วย พีนัตบัตเตอร์ = 240 กรัม
1 ถ้วย เพสตรี้มาร์การีน = 200 กรัม
1 ถ้วย น้ำมันพืช = 200 กรัม




ประเภทสารขึ้นฟู1 ช้อนโต๊ะ ยีสต์แห้ง = 7 กรัม

1 ช้อนโต๊ะ โซดาไบคาร์บอเนต = 10 กรัม
1 ช้อนโต๊ะ ผงฟู = 8 กรัม
1 ช้อนโต๊ะ ครีมออฟทาร์ทาร์ = 7 กรัม
1 ช้อนโต๊ะ แอมโมเนีย = 8 กรัม




ประเภทผลไม้1 ถ้วย อินทผลัมสับละเอียด = 140 กรัม

1 ถ้วย ลูกเกด = 140 กรัม
1 ถ้วย ผลไม้แช่อิ่มสับละเอียด = 150 กรัม
1 ถ้วย เชอรี่แช่อิ่ม = 180 กรัม
1 ถ้วย สับปะรดกวน = 280 กรัม
1 ถ้วย แยม = 260 กรัม
1 ถ้วย กล้วยหอมบด = 200 กรัม
1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว = 10 กรัม
1 ช้อนโต๊ะ น้ำส้มคั้น = 15 กรัม




ประเภทไข่1 ฟอง ไข่ไก่ขนาดกลาง (ไม่รวมเปลือก) = 50 กรัม

1 ฟอง ไข่แดง = 17 กรัม
1 ฟอง ไข่ขาว = 33 กรัม




ประเภทนมและผลิตภัณฑ์จากนม1 ถ้วย นมข้นจืด = 240 กรัม

1 ถ้วย นมผงขาดมันเนย = 120 กรัม
1 ถ้วย เนยแข็งขูดฝอย = 100 กรัม




ประเภทถั่วต่าง ๆ

1 ถ้วย เม็ดมะม่วงหิมพานต์สับละเอียด = 115 กรัม
1 ถ้วย อัลมอนด์สับละเอียด = 115 กรัม
1 ถ้วย อัลมอนด์หั่นเป็นชิ้นบาง = 100 กรัม




ประเภทผลิตภัณฑ์โกโก้

1 ถ้วย ผงโกโก้ = 65 กรัม
1 ถ้วย ชอคโกแลต = 200 กรัม




ประเภทสารปรุงแต่ง

1 ช้อนโต๊ะ วานิลลา = 10 กรัม
1 ช้อนโต๊ะ กาแฟผงสำเร็จรูป = 2 กรัม
1 ช้อนโต๊ะ น้ำใบเตยเข้มข้น = 15 กรัม
1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น = 10 กรัม
1 ช้อนชา ผงอบเชย = 1 กรัม
1 ช้อนชา พริกไทยป่น = 2 กรัม



ขนมอบจำพวกเค้ก พาย พัฟ เพสตรี้ ใช้แป้ง เนย ไข่ และส่วนผสมอื่น ๆ อีกมากมาย ดังนั้นควรรู้จักเครื่องปรุงชนิดต่าง ๆ การเลือกซื้อ การเตรียม การเก็บและวิธีการใช้อย่างถูกต้อง เหมาะสมกับขนมแต่ละชนิด ขนมจึงออกมาถูกต้องตามสูตรนั้น ๆ




แป้ง (flour)



แป้งที่ใช้ในการทำขนมอบเป็นหลัก คือ แป้งสาลี ผลิตมาจากเมล็ดข้าวสาลีซึ่งมีด้วยกันหลายพันธุ์ แต่ละพันธุ์ก็ผลิตออกมาเป็นแป้งสาลีต่างชนิดกันดังนี้




แป้งสาลีอเนกประสงค์ (all-purpose flour) ผลิตจากข้าวสาลีพันธุ์หนัก (hard wheat) ผสมกับข้าวสาลีพันธุ์เบา (soft wheat) เป็นแป้งที่มีโปรตีนปานกลางประมาณ 10-11% จึงทำขนมอบได้หลายชนิด ทั้งเค้ก พาย คุกกี้ หรือแม้กระทั่งขนมปังบางชนิด เช่น สโคน (scone) ขนมปังก้อนเล็กของสก็อตแลนด์




แป้งเค้ก (cake flour) ผลิตจากข้าวสาลีพันธุ์เบา (soft wheat) เป็นแป้งที่มีปริมาณโปรตีนต่ำประมาณ 7-9% เนื้อแป้งละเอียด ขาวกว่าแป้งสาลีชนิดอื่น ๆ เหมาะสำหรับทำเค้ก โรล คุกกี้




แป้งขนมปัง (bread flour) ผลิตจากข้าวสาลีพันธุ์หนัก (hard wheat) เป็นแป้งที่มีโปรตีนสูงประมาณ 12-14% เนื้อแป้งมีสีนวลหยาบ จับแล้วสากมือ มีคุณสมบัติดูดซึมน้ำสูง นวดผสมเป็นก้อนแป้งมีความยืดหยุ่นดี ใช้ทำขนมปัง เดนิชเพสตรี้ และใส่ในเค้กบางชนิด เช่น เค้กผลไม้ เค้กอินทผลัม จะทำให้ผลไม้ที่ใส่ไม่จมอยู่ก้นพิมพ์




แป้งสาลีโฮลวีต (whole wheat flour)ผลิตจากข้าวสาลีพันธุ์เบา (soft wheat) เป็นแป้งสาลีชนิดที่ยังไม่ได้ขัดขาว แป้งจึงมีส่วนของปลายเมล็ดข้าวหักรวมอยู่ด้วย ดังนั้นต้องร่อนก่อนแล้วจึงตวง นิยมใช้ทำเค้กและคุกกี้ชนิดต่าง ๆ ขนมอบสุขภาพ ซึ่งก็ต้องใส่แป้งโฮลวีตผสมกับแป้งเค้ก มิฉะนั้นเนื้อเค้กจะหนัก




แป้งข้าวโพด (corn flour) ทำจากข้าวโพด มีสีขาวออกเหลือง เนียนลื่นมือ เป็นแป้งที่ให้ความข้นใส ใช้ทำไส้พาย ไส้ครีมชนิดต่าง ๆ ด้วยการละลายกับน้ำก่อนใส่ แป้งจึงไม่จับตัวเป็นเม็ด ช่วยให้ข้นอยู่ตัว




แป้งคัสตาร์ด (custard power) แป้งคัสตาร์ดสำเร็จรูป ใส่ในไส้ครีมเพื่อแต่งขนมให้มีสีเหลืองสวยงามยิ่งขึ้น




น้ำตาล (sugar)



น้ำตาลช่วยทำให้ขนมอบชนิดต่าง ๆ มีรสหวาน สีสวย กลิ่นหอม ช่วยการขึ้นฟูในขนม เนื้อขนมจึงนุ่ม ช่วยแต่งขนมให้มีความสวยงาม ขนมอบนิยมใช้น้ำตาลหลายชนิดดังนี้




น้ำตาลทรายขาว (granulated sugar) ใช้มากในขนมอบ ซึ่งเม็ดน้ำตาลมีทั้งชนิดละเอียด ธรรมดาและหยาบ ในการทำขนมอบจะใช้ชนิดละเอียด เลือกซื้อสีขาว สะอาด เก็บในขวด ปิดฝาให้สนิท ไม่มีความชื้น มิฉะนั้นน้ำตาลจะจับตัวเป็นก้อน




น้ำตาลทรายแดง (brown sugar) หรือเรียกว่า "น้ำตาลดิบ" ได้จากน้ำอ้อยตอนแยกจากกากน้ำตาล แต่ยังไม่ได้ทำให้บริสุทธิ์ จึงมีเกลือแร่และวิตามินติดมา มีสีเข้มอ่อนปะปนกัน น้ำตาลป่นเป็นผงไม่เป็นผลึกแบบน้ำตาลทรายขาว มีความชื้นสูง กลิ่นหอม เลือกซื้อที่ไม่จับตัวเป็นก้อนแข็ง นิยมใช้ในการทำขนมอบที่ต้องการ กลิ่น รสและสีของน้ำตาล เช่น เค้กอินทผลัม เค้กผลไม้ เป็นต้น




น้ำตาลทรายป่น (ground granulated sugar) น้ำตาลทรายขาวนำมาบดแล้วร่อน เก็บใส่ขวดโหล ถ้าไม่สะดวกก็ให้ซื้อที่วางจำหน่ายทั่วไป ราคาจะแพงกว่าน้ำตาลทรายเล็กน้อย เลือกซื้อที่ไม่จับตัวเป็นก้อน ร่อนแล้วจึงตวง น้ำตาลทรายป่นเหมาะสำหรับการทำเค้กและคุกกี้ เพราะคนกับเนยแล้วจะขึ้นฟูและละลายเร็ว ถ้าไม่มีก็ใช้น้ำตาลทรายขาวชนิดละเอียดแทน แต่ต้องใช้เวลาในการคนนาน




น้ำตาลไอซิ่ง (icing or confectionery sugar) หรือเรียกอีกอย่างว่า "น้ำตาลผง" น้ำตาลเป็นผงละเอียด มีส่วนผสมของแป้งข้าวโพดผสมอยู่ด้วยประมาณ 3% เพื่อป้องกันการจับตัวเป็นก้อน น้ำตาลไอซิ่งมีรสหวานน้อยกว่าน้ำตาลทรายป่น เลือกซื้อที่ไม่จับตัวเป็นก้อน




น้ำผึ้ง (honey) เป็นน้ำหวานของดอกไม้นานาชนิดที่ผึ้งได้เอาน้ำที่เจือปนอยู่ออกจนมีความชื้นต่ำเพียง 20% เท่านั้น น้ำผึ้งมีรสหวานและกลิ่นหอมเป็นพิเศษ เก็บได้นาน ใส่ใสขนมให้รสหวาน กลิ่นหอม และสีเหลืองสวยเมื่ออบสุก การเลือกซื้อให้ได้น้ำผึ้งแท้มีคุณภาพทดสอบด้วยการจุ่มไม้ขีดไฟลงในน้ำผึ้ง ถ้าจุดไฟติดแสดงว่าเป็นน้ำผึ้งแท้แน่นอน หรือถ้าดูด้วยตาน้ำผึ้งต้องใส ไม่มีตะกอน ถ้าไม่มีน้ำผึ้งแท้ก็ใช้น้ำผึ้งปรุงแต่งแทนได้ แต่จะมีรสหวานและกลิ่นหอมน้อยกว่า




เนย (butter)



เนยทำมาจากนมสดและน้ำมันพืช เป็นส่วนผสมที่ใช้ในขนมอบทุกชนิด เนยมีหลายชนิดดังนี้




เนยสด (butter) ทำจากไขมันของน้ำนมวัว สีเหลือง กลิ่นหอม มีขาย 2 ชนิด คือ เนยสดชนิดจืดและชนิดเค็ม เนยสดชนิดจืดมีกลิ่นหอมและออกรสหวานกว่าเนยเค็มเล็กน้อย เนยสดห่อบรรจุน้ำหนักก้อนละ 227 กรัม ซึ่งเท่ากับเนยในสัดส่วนการตวง คือ 1 ถ้วย ดังนั้นเนยสด 1/2 ก้อน จึงเท่ากับ 1/2 ถ้วย และเนยสด 1/4 ก้อน เท่ากับ 1/4 ถ้วย เมื่อเหลือใช้แล้วต้องห่อเก็บใส่กล่องปิดฝา แช่ในตู้เย็นช่องสำหรับเก็บเนยโดยเฉพาะ ควรเลือกซื้อเนยที่ห่อเรียบร้อย รูปทรงดี และดูวันผลิตที่ใหม่




เพสตรี้มาร์การีน (pastry margarine) เป็นมาร์การีนชนิดหนึ่ง ผลิตออกมา 2 แบบ คือ พัฟเพสตรี้มาร์การีน ใช้ในการทำพายชั้นเพสตรี้ และเดนิชเพสตรี้มาร์การีนทำเดนิชเพสตรี้




มาร์การีนหรือเนยเทียม (margarine or compound lard) ทำจากไขมันของพืช ด้วยการปรุงแต่งให้มีสี กลิ่นและรสให้ใกล้เคียงเนยสดมากที่สุด จึงเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "เนยเทียม" มีจุดแข็งตัวที่อุณหภูมิห้อง นิยมใช้ทำขนมปัง คุกกี้ เค้ก




เนยขาว (shortening) ทำจากน้ำมันพืชที่บริสุทธิ์ ปราศจากกลิ่น มีสีขาว ไม่มีกลิ่นรส เนยขาวที่วางจำหน่ายนั้นข้าง ๆ ภาชนะบรรจุเขียนว่า vegetable shortening มักใช้ชื่อตามบริษัทที่ผลิต เช่น คริสโก้ สโนคริป โอลิมปิกครีม ซึ่งเนยขาวมีขายทั้งชนิดบรรจุเป็นกระป๋องและขายเป็นกิโลกรัม เก็บในอุณหภูมิห้อง ไม่ต้องเก็บในตู้เย็น เลือกซื้อที่มีสีขาว ไม่มีสิ่งสกปรก ความคงตัวดี ไม่เหลว มีกลิ่นหอม ไม่เหม็นหืน




เนยขาวใช้ในการตีครีมแต่งหน้าเค้ก ใช้สำหรับทาพิมพ์หรือถาดเพื่อไม่ให้ขนมติดพิมพ์เมื่ออบสุก ถ้าไม่มีให้ใช้มาร์การีนหรือเนยชนิดจืดแทนได้ และเนยขาวสำหรับใช้ในการทอดโดยเฉพาะ เช่น ทอดโดนัท เนื่องจากร้อนเร็ว ร้อนนาน ไม่ดำง่าย




น้ำมันพืช (oil) ผลิตจากเมล็ดแห้งของพืชที่ให้น้ำมัน เช่น ถั่วเหลือง ข้าวโพด เมล็ดดอกทานตะวันและปาล์ม นิยมนำมาทำเค้กบางชนิด เช่น ชิฟฟอนเค้ก เค้กม้วน เลือกซื้อชนิดที่มีสีอ่อนใส ไม่มีตะกอน




นม (milk)



น้ำนมสีขาว คือ นมที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ เป็นส่วนผสมที่สำคัญในการทำเค้กและพายอย่างยิ่ง เป็นน้ำนมอุตสาหกรรมที่รีดมาจากนมวัวที่เลี้ยงเป็นสัตว์อุตสาหกรรม จึงมีวางจำหน่ายในท้องตลาดทุกชนิด ดังนี้




นมสด (milk) นมสดมีทั้งชนิดที่ผ่านขบวนการพาสเจอร์ไรซ์และนมที่ผ่านขบวนการสเตอริไรซ์ ซึ่งมีทั้งรสจืด รสหวานและรสอื่น ๆ นมสดชนิดจืดใช้ในการทำขนมอบจะใช้นมสดพาสเจอร์ไรซ์หรือสเตอริไรซ์ก็ได้ ให้ตวงหรือชั่งโดยไม่ต้องเติมน้ำ การใช้นมสดในการทำเค้กควรนำไปแช่เย็น เพราะความเย็นจะช่วยให้ไขมันไม่เหลวง่าย และทำให้เค้กเนื้อนุ่ม ละเอียด




นมผง (dried whole milk) คือ นมสดที่ระเหยเอาเนยออกเกือบหมดแล้ว มีความชื้นเหลืออยู่ประมาณ 3-5% ซึ่งมีทั้งนมผงมีไขมันและนมผงปราศจากไขมัน ร่อนก่อนแล้วชั่งตวง ถ้าไม่มีนมสดก็ใช้นมผง 1 ส่วน ผสมกับน้ำ 3 ส่วน คือ นมผง 1/4 ถ้วย เติมน้ำอุ่น 3/4 ถ้วย จะได้นมสด 1 ถ้วย ใช้นมผงชนิดธรรมดา นมผงขาดมันเนย หรือนมผงพร่องมันเนยได้ทั้งสิ้น เมื่อใช้แล้วต้องปิดฝาให้สนิท อย่าให้มีความชื้น มิฉะนั้นนมผงจะจับตัวกันเป็นก้อน



นมข้นจืดหรือนมสดระเหย (evaporated milk) คือ นมสดที่ระเหยน้ำออกครึ่งหนึ่ง นมข้นจืดนิยมใส่ในกาแฟเย็นหรือราดบนไอศกรีมนั่นเอง ถ้าต้องใช้นมข้นจืดแทนนมสดต้องผสมน้ำอีกเท่าตัว เช่น ใช้นมสด 1 ถ้วย ก็ต้องใช้นมข้นจืด 1/2 ถ้วย ผสมกับน้ำ 1/2 ถ้วย นมส่วนที่เหลือใช้ให้เอาออกจากกระป๋องเปลี่ยนใส่กล่องเก็บเข้าแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา แต่อย่าเก็บไว้นาน เพราะสีจะเข้มขึ้น ให้เลือกซื้อกระป๋องบรรจุที่ไม่บุบ ดูวันผลิตที่ใหม่



นมเปรี้ยว (sour milk) คือ นมที่มีรสเปรี้ยวด้วยแบคทีเรีย นมเปรี้ยวที่ใช้ในการทำขนมอบทำเองโดยใช้นมสดผสมกับน้ำส้มสายชู เช่น นมสด 1/2 ถ้วย ใส่น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน พักไว้สักครู่ นมจะมีลักษณะข้นขึ้น



นมข้นหวาน (sweetened condensed milk) นมข้นหวานมีน้ำตาลเป็นหลัก ดังนั้นเมื่อเก็บไว้นาน ๆ สีจะเข้มขึ้นและมีผลึกน้ำตาลเกาะ ทำให้ขนมมีสีเข้มเท่านั้นเอง นมข้นหวานใช้วิธีการชั่งหรือตวงได้โดยใช้ถ้วยตวงของเหลว



โยเกิร์ตรสธรรมชาติ (plain yogurt) เป็นนมเปรี้ยวชนิดครีม เลือกซื้อที่สดใหม่ ดูจากวันผลิตและวันหมดอายุข้างภาชนะบรรจุ เมื่อใช้ไม่หมดให้เก็บเข้าแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา



ไข่



การทำขนมอบชนิดต่าง ๆ จะใช้ไข่ไก่เป็นหลัก ไข่ช่วยให้ขนมขึ้นฟูและมีเนื้อนุ่มรสดี ไข่ไก่ที่ทำขนมอบได้ดีต้องเป็นไข่สด ใหม่ จับแล้วจะสากมือ ต่อยแล้วไข่ขาวจะข้น ไข่แดงจะนูน ไข่ไก่ที่ใช้น้ำหนักฟองละประมาณ 55-65 กรัม




ไข่ไก่ไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็นเมื่อตีจึงจะขึ้นฟูได้ดี แต่ถ้าไข่เก็บอยู่ในตู้เย็นควรนำไข่ออกมาวางไว้ในอุณหภูมิห้องก่อนจนไข่มีอุณหภูมิปกติ เพราะถ้าไข่เย็นเกินไปเมื่อตีกับเนยจะทำให้เนยจับตัวกันจนแยกตัวจากส่วนผสมอื่น ๆ ทำให้ขนมขึ้นฟูไม่ดีเท่าที่ควร



การใส่ไข่ลงในส่วนผสมขนมอบต่าง ๆ ควรต่อยใส่ถ้วยก่อนเพื่อความแน่ใจว่าไข่ไม่เสีย แล้วจึงใส่ในส่วนผสมตามขั้นตอนการทำขนมชนิดนั้น ๆ



วิธีการแยกไข่ขาวจากไข่แดง ควรแยกด้วยความระมัดระวังอย่าให้ไข่แดงที่มีไขมันลงไปในไข่ขาวเป็นอันขาด อ่างและเครื่องตีไข่ขาวที่ดีต้องไม่มีไขมันหรือน้ำเกาะเด็ดขาด ดังนั้นจึงต้องล้าง เช็ดให้สะอาดและแห้ง เนื่องจากถ้ามีไขมันแม้เพียงเล็กน้อย ไข่ขาวจะตีไม่ขึ้นฟูทันที



สารช่วยในการขึ้นฟู



แอมโมเนีย (ammonium bicarbonate) สารที่ช่วยให้ขนมขึ้นฟูอีกชนิดที่มีกลิ่นฉุน เกิดปฏิกิริยาอย่างรวดเร็ว แต่จะมีกลิ่นของแอมโมเนียตกค้างอยู่ในขนม มีขายอยู่ที่ร้านขายแป้งที่เยาวราชตรงหัวถนนมังกร แบ่งใส่ถุงขายราคากิโลกรัมละ 28-30 บาท ถ้าใช้ไม่หมดต้องรัดปากถุงให้แน่น เก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง



เบกกิ้งโซดา (baking soda) หรือเรียกทางภาษาเคมีว่า "โซเดียมไบคาร์บอเนต" หรือเรียกกันสั้น ๆ ว่า "โซดาทำขนม" เป็นส่วนผสมในผงฟู ซึ่งทำให้ขนมขึ้นฟูเช่นเดียวกับผงฟู แต่ใส่ในขนมที่มีส่วนผสมที่เป็นกรด เช่น นมเปรี้ยว โยเกิร์ต ครีมเปรี้ยว และเค้กที่ใส่ช็อกโกแลตหรือบัตเตอร์มิลค์ (butter milk) เช่น เค้กกล้วยหอมหรือเค้กที่ใส่ผลไม้หรือผลไม้รสเปรี้ยว ถ้าใส่มากเกินไปกลิ่นรสของเบกกิ้งโซดาจะตกค้างในเนื้อขนม ทำให้มีรสเฝื่อนและปร่าลิ้น



ผงฟู (baking powder) เป็นสารที่ทำให้เกิดการขึ้นฟู มีส่วนผสมระหว่างเบกกิ้งโซดากับกรดหรือเกลือของกรดและแป้ง ซึ่งในระหว่างการผสมและอบนั้นส่วนที่เป็นกรดจะทำปฏิกิริยากับเบกกิ้งโซดา จึงทำให้เกิดฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ขนมจึงขึ้นฟูและเนื้อนุ่ม ผงฟูมี 2 แบบ คือ



- ผงฟูกำลังหนึ่ง (single acting หรือ fast action) ผงฟูจะผลิตก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาทันทีอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผสมกันและระหว่างที่รอเข้าอบ ดังนั้นต้องทำการผสมและอบอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่อบทันทีขนมจะขึ้นฟูไม่ดีเท่าที่ควร



- ผงฟูกำลังสอง (double action) เป็นผงฟูที่ผลิตก๊าซคาร์บอนไดอกไซด์สองขั้น คือ ในขั้นตอนการผสมส่วนหนึ่งและในขณะอบอีกส่วนหนึ่ง ปัจจุบันนิยมใช้ผงฟูกำลังสองกัน เพราะไม่ต้องเร่งรีบในการทำ ในการผสมและในการอบ




วิธีการเลือกซื้อผงฟู อ่านที่ฉลากก่อนว่าเป็นผงฟูชนิดใด ดูวันหมดอายุหรือวันผลิตเลือกที่ใหม่ ผงฟูต้องมีสีขาว ไม่จับตัวกันเป็นก้อน เวลาใช้ต้องใช้ช้อนแห้งตัก ใช้เสร็จก็ปิดปากถุงและปากขวดให้สนิท



การทดสอบผงฟูว่าเสื่อมคุณภาพหรือยังทำดังนี้ ใส่ผงฟู 1 ช้อนชาลงในแก้วน้ำร้อน ถ้ามีฟองอากาศขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วค่อย ๆ ช้าลงและหมด แสดงว่าผงฟูยังมีคุณภาพดี ถ้าเกิดฟองช้า ๆ หรือไม่เกิด แสดงว่าผงฟูเสื่อมคุณภาพ



ยีสต์ (yeast) ช่วยให้ขนมขึ้นฟูโดยการหมัก ยีสต์เป็นรากลุ่มหนึ่ง มีขนาดเล็ก เมื่อใส่ลงในส่วนผสมที่มีทั้งแป้ง นม น้ำตาล ซึ่งเป็นอาหารของยีสต์ ยีสต์ก็กินเป็นอาหารแล้วเจริญเติบโตสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จึงทำให้ขนมขึ้นฟู เนื้อนุ่ม มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว นิยมใช้ในการทำขนมปังชนิดต่าง ๆ โดนัท และเพสตรี้ เป็นต้น ที่ใช้ในการทำขนมอบมี 3 ชนิด ดังนี้



- ยีสต์สด ยีสต์ที่ผลิตขึ้นโดยการเลี้ยงและอัดรวมกัน โดยมีอาหารของยีสต์ที่เปียกชื้นเป็นก้อนแข็ง ยีสต์สดจะมีความชื้นอยู่ประมาณ 70% การทำงานของยีสต์จะช้าลงเมื่ออุณหภูมิต่ำ ดังนั้นยีสต์สดจึงควรเก็บในตู้เย็น



- ยีสต์แห้งชนิดเม็ด มีลักษณะเป็นเม็ดเล็ก ๆ ท่อนสั้น ยีสต์แห้งเป็นยีสต์ที่อยู่ในสภาพการพักตัว ควรเป็นสถานที่แห้งและเย็น วิธีการใช้ที่เร็วและถูกต้องที่สุดในการละลายยีสต์ก็คือผสมน้ำตาลกับน้ำอุ่นในชามจานน้ำตาลละลาย แล้วจึงโรยยีสต์ลงไปบนผิวน้ำ




- ยีสต์แห้งชนิดผงหรือยีสต์สำเร็จรูป คือ ยีสต์ที่มีกำลังหมักสูงสุด นิยมใช้มากที่สุด มีลักษณะเป็นผงละเอียด แห้ง ใช้ได้เลย ไม่ต้องละลายกับน้ำก่อน เก็บได้นานในอุณหภูมิห้อง วิธีใช้ก็คือผสมไปกับแป้งโดยตรง ก่อนที่จะนำไปผสมกับส่วนผสมอื่น ๆ หรือจะเติมลงไปหลังจากที่ได้ผสมแป้งกับส่วนผสมอื่น ๆ แล้ว ยีสต์แห้งชนิดผงจะบรรจุในกระป๋อง ขวด หรือถุงที่ทำด้วยกระดาษตะกั่ว




การทดสอบคุณภาพของยีสต์ทดสอบโดยใส่ยีสต์ 1 ช้อนโต๊ะลงไปในน้ำอุ่น ๆ ที่มีอุณหภูมิ 38 องศาเซลเซียส ปริมาณ 1 ถ้วยตวงและมีน้ำตาลทรายละลายอยู่ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วคนให้เข้ากัน ติ้งทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที ยีสต์จะค่อย ๆ ปุดขึ้นมาบนผิวหน้าของน้ำ แสดงว่ายีสต์นั้นยังไม่เสื่อมคุณภาพ แต่ถ้าใส่ลงไปแล้วยีสต์จมอยู่ที่ก้นภาชนะไม่ปุดขึ้นบนผิวน้ำ แสดงว่ายีสต์นั้นเสื่อมคุณภาพ ไม่ควรนำมาใช้อีกต่อไป




ครีมออฟทาร์ทาร์ (cream of tar tar) คือ ผงที่ช่วยให้ไข่ขาวขึ้นฟูหรือคงรูป ทำให้การตีไข่ขาวขึ้นฟูได้ง่าย และยังช่วยให้ฟองที่ฟูคงตัวอยู่ได้นาน ใช้กับเค้กและขนมอื่น ๆ เลือกซื้อกล่องขนาดเล็กเพราะถ้าเก็บไว้นาน ๆ อาจทำให้เสื่อมประสิทธิภาพลงได้ และควรตรวจดูวันหมดอายุก่อนเลือกซื้อ




ช็อกโกแลต (chocolate)



ช็อกโกแลตผลิตจากเมล็ดโกโก้ มีด้วยกันหลายชนิด แต่ละชนิดมีปริมาณโกโก้บัตเตอร์ (cocoa butter) หรือเรียกอีกอย่างว่า (cocoa liquor) ต่างกัน เลือกใช้ตามความเหมาะสมและความชอบ



Unsweetened เป็นช็อกโกแลตที่มีปริมาณโกโก้บัตเตอร์ (cocoa butter) อย่างน้อย 50% มีรสขมมาก ทำพารีน บราวนี่ เป็นต้น



Bittersweet และ Semisweet chocolate เป็นช็อกโกแลตที่มีปริมาณโกโก้บัตเตอร์ (cocoa butter) อย่างน้อย 35% ช็อกโกแลตชนิดนี้มีรสหวาน เหมาะสำหรับทำช็อกโกแลตมูส เค้ก ฯลฯ



Milk chocolate เป็นช็อกโกแลตที่มีเนื้อนม 12% ปริมาณโกโก้บัตเตอร์ (cocoa butter) อย่างน้อย 10% นอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอื่นอีก เช่น น้ำตาล วานิลลา และเลซิติน ช็อกโกแลตชนิดนี้มีรสหวาน เหมาะสำหรับทำช็อกโกแลตมูส เค้ก ฯลฯ



ช็อกโกแลตมีขายในหลายรูปแบบ บ้างก็ทำเป็นแท่ง เป็นบล็อก เป็นเหรียญ อยางชนิดเหรียญจะใช้สะดวก



ช็อกโกแลตขาว (White chocolate) ช็อกโกแลตที่มีแต่ปริมาณโกโก้บัตเตอร์ (cocoa butter) แต่ไม่มีเนื้อโกโก้ (cocoa solids) ช็อกโกแลตจึงมีสีขาว รสมัน นอกจากนี้ก็มีส่วนผสมของน้ำตาล วานิลลา เลซิตินด้วย นิยมใช้ในการตกแต่งเค้ก



ช็อกโกแลตชิพ (Chocolate chips) ช็อกโกแลตเม็ดเล็ก ผลิตด้วยการผสมไขมันพืช ใส่สานที่ช่วยไม่ให้เนื้อละลาย นิยมใส่ในคุกกี้ เมื่ออบแล้วจึงไม่ละลาย



ช็อกโกแลตโคตติ้ง (Chocolate coating) ใช้สำหรับเคลือบหน้าเค้ก นำไปตุ๋นจนละลายแล้วราด เนื้อช็อกโกแลตขึ้นเงา ไม่แห้งและแตกร้าว



ผงโกโก้ (cocoa powder)



ผงโกโก้ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากเมล็ดโกโก้อีกชนิดหนึ่ง มีส่วนประกอบหลัก 2 ส่วน คือ โกโก้และเนยโกโก้ แต่อาจมีส่วนประกอบอื่น ๆ อีก เช่น น้ำตาล ไขมันพืช กลิ่นรสต่าง ๆ นมผง สารช่วยคงตัวหรือนมสดผสมอยู่ด้วย



ผงโกโก้ชนิดไขมันสูง (hi-fat cocoa powder) มีไขมัน 22-24% ผงโกโก้ชนิดนี้จะมีสีเข้มรสเข้มข้นมาก ราคาแพง ใช้ทำเค้ก บราวนี่



ผงโกโก้ชนิดไขมันต่ำ (low-fat cocoa powder) มีไขมัน 10-12% ผงโกโก้ชนิดนี้มีสีอ่อน รสเข้มข้นน้อยกว่า ราคาไม่แพง ใช้ทำเค้ก คุกกี้



วิธีเก็บรักษาผงโกโก้และช็อกโกแลต ต้องใส่ภาชนะที่ปิดสนิท ไม่ให้ถูกอากาศ และควรเก็บให้ห่างจากสิ่งที่มีกลิ่นแรง เนื่องจากผงโกโก้ดูดกลิ่นง่าย เก็บในตู้เย็นช่องธรรมดาได้นานเป็นเดือน หรือเก็บในอุณหภูมิห้องก็ได้เช่นกัน แต่ไว้ได้ไม่นานเท่าในตู้เย็น



ครีม (cream)



ครีม เป็นส่วนไขมันของน้ำนมที่ลอยบนผิวเป็นฝ้า ปัจจุบันอุตสาหกรรมนมมีเครื่องจักรแยกครีมออกจากนมได้เลย มีหลายชนิดตามระดับความมากน้อยของปริมาณไขมัน ได้แก่ หัวครีม วิปปิ้งครีม หางครีม เป็นต้น




วิปปิ้งครีม (whipping cream) หรือวิปครีม (whipped cream) ไขมันนมที่ตีจนขึ้นฟูเป็นครีมข้นจนเนื้อครีมตั้งตัวได้ รสมัน มีขายแบบกระป๋องสำเร็จใช้ได้ทันที และบรรจุกล่องเป็นน้ำซึ่งจะต้องตีให้ฟูก่อนใช้ วิปปิ้งครีมหรือวิปครีมเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา



ครีมข้น (double cream) เป็นครีมที่มีความข้นของไขมัน 25% ขึ้นไป ใช้รับประทานกับผลไม้หรือของหวาน และใช้ในการทำเค้ก ไอศกรีม หรือผสมกับของคาว เช่น ซุปและอาหารอื่น ๆ ทำให้อาหารมีความข้นและรสชาติดีขึ้น



วานิลลา (vanilla)



กลิ่นหอมจากฝักพืชชนิดหนึ่ง ใส่ในส่วนผสมของเค้กและคุกกี้ กลิ่นหอมช่วยดับกลิ่นคาวไข่ ซึ่งมีทั้งวานิลลาชนิดน้ำ วานิลลาชนิดผง วานิลลาชนิดฝัก




วานิลลาชนิดน้ำ (vanilla extract) เป็นชนิดสังเคราะห์ขึ้น มีสีน้ำตาลเข้ม กลิ่นหอม เลือกซื้อที่ไม่มีตะกอนนอนก้นขวด



วนิลลาชนิดผง (vanilla powder) เป็นผงละเอียดสีขาวนวล กลิ่นหอมเป็นพิเศษ เมื่อใช้เก็บให้มิดชิดอย่าให้ถูกความชื้น ด้วยการเก็บใส่ถุง ปิดปากถุงให้แน่น ใส่ในภาชนะปิดฝา เก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา



วนิลลาชนิดฝัก (vanilla beans) ฝักเล็ก ๆ ยาว สีดำ นำเข้าจากต่างประเทศ เช่น สวิตเซอร์แลนด์และอินโดนีเซีย ราคาค่อนข้างสูง วิธีการใช้คือ ใช้มีดผ่าครึ่งตามยาวออกเป็น 2 ซีก แล้วใช้ปลายสันมีดขูดเมล็ดสีดำออกมา วิธีเก็บให้ใส่ถุงทั้งฝัก ปิดปากถุงให้แน่น นำไปใส่กล่องปิดฝาให้สนิท แช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา กลิ่นจะคงหอมเช่นเดิม



ชีส (cheese)



ริคอตต้าชีส (ricotta cheese) ชีสอิตาเลียน ซึ่งใกล้เคียงกับคอนเทจชีสของอเมริกัน



มัสคาระโปเน่ชีส (mascarpone cheese) ครีมชีสอิตาเลียน เนื้อเหลวกว่าครีมชีสแบบอเมริกันเล็กน้อย รสนุ่มนวลกว่า นิยมใช้ในการทำทีรามิสุ ซึ่งทำให้รสสัมผัสที่นุ่มนวลและไปได้ดีกับบรั่นดี




ครีมชีส (cream cheese) เนยแข็งชนิดนิ่ม เนื้อสีขาว ทำจากนมที่ยังไม่ได้แยกครีม แบบอเมริกัน เช่น ยี่ห้อฟิลาเดลเฟีย ยี่ห้อคาโรไลน์ (caroline) ครีมชีสใช้วิธีการชั่งน้ำหนักหรือตวงด้วยถ้วยตวงของแห้ง



คอทเทจชีส (cottage cheese) เนื้อแน่นนุ่มร่วน ไขมันน้อย ทำจากนมวัว มีขายในซุปเปอร์มาเก็ต วางขายอยู่ในชั้นของตู้แช่ บรรจุถ้วยแบบโยเกิร์ต ลักษณะเป็นเม็ดกลมเล็กแช่ในน้ำ



เชดดาร์ชีส (cheddar cheese) เป็นชีสแข็งที่ผ่านการปรุงสุกมาแล้ว ทำเป็นก้อนสี่เหลี่ยม ภายหลังมีแบบแผ่นบาง




มอซวาเรลล่าชีส (mozzarella cheese) ชีสอ่อนสีขาวครีม เนื้อนุ่มมันอร่อย เมื่อถูกความร้อนจะอ่อนเหนียว ยืดตัวยาวไม่ขาดง่าย นิยมทำหน้าพิซซ่าและอาหารอิตาเลียนอื่น ๆ




เครื่องปรุงอื่น ๆ




(gelatin) เป็นโปรตีนที่ได้จากกระดูกสัตว์ที่ถูกสกัดมาและทำให้แห้ง มีขายชนิดเป็นแผ่นและชนิดผง คุณสมบัติทำให้ข้นใสอยู่ตัว นิยมทำน้ำราดหน้าพายชนิดต่าง ๆ เค้ก เจลลาตินชนิดแผ่นจะต้องแช่น้ำให้นุ่มก่อนใช้ ส่วนเจลลาตินชนิดผงจะต้องละลายในน้ำอุ่น



เมล็ดอัลมอนด์ (almond) ป็นพวกนัทอย่างหนึ่ง เมล็ดรูปเรียวยาว เปลือกสีน้ำตาล รสมัน ราคาแพง มีทั้งชนิดเม็ด ชนิดเกล็ด



เมล็ดแฟลกซ์หรือลินสีด (flax seed) เมล็ดสีน้ำตาล รูปร่างคล้ายเมล็ดงาแต่ใหญ่กว่าเล็กน้อย ในเมืองไทยเองก็จะดูคุ้นกับลินสีดมากกว่า มีขายในซุปเปอร์มาร์เก็ตบางแห่ง วางขายในชั้นเครื่องเทศและสมุนไพรต่างประเทศ



ลูกเกด (raisin) ทำมาจากองุ่นอบให้แห้ง มีทั้งลูกเกดดำ ลูกเกดเหลือง เนื้อฉ่ำหวาน จะต้องแช่น้ำอุ่นก่อนเพื่อให้เนื้อนุ่ม มีรสหวานฉ่ำมากยิ่งขึ้น เลือกซื้อชนิดไม่แห้งจนเกินไป เนื้อฉ่ำ



เม็ดมะม่วงหิมพานต์ (cashewnut) มีขายทั้งแบบเป็นเมล็ดและที่ผ่าครึ่งซีก ก่อนใช้ต้องนำไปอบหรือคั่ว หรือทอดให้สุกเหลืองก่อน การคั่วให้ใช้ไฟอ่อน คั่วไปมาตลอดเวลาจนสุก เลือกที่ไม่มีแมลงหรือมอดกัดแทะ เมล็ดใหญ่



ผงชาเขียวมัทฉะ (matcha) เป็นชาผงสีเขียวเข้ม สมัยก่อนได้จากการนำใบชาชั้นดี คือ "เกียวกุโระฉะ" มาบดละเอียดเป็นผงเพื่อใช้ในพิธีชงชา มัทฉะที่ได้มีลักษณะข้น สีเขียวเข้ม แต่ปัจจุบันผลิตโดยนำใบชา "เซ็นฉะ" มาสกัดเป็นน้ำ แล้วจึงกลั่นโดยการฉีดผ่านไอความร้อนสูงให้น้ำระเหยออก เหลือแต่ผงสีเขียวเข้ม กลิ่นหอม มัทฉะเป็นชาที่นิยมใช้ใส่อาหาร เพราะสะดวกใช้ ให้สีสวย กลิ่นหอม และราคาไม่แพง มัทฉะที่ดีควรมีสีเขียวสดคล้ายเขียวมะนาว ถ้าออกสีเขียวหม่นแสดงว่าอาจไม่ได้ผลิตจากชาเขียวญี่ปุ่น หรือใส่ส่วนผสมอื่นเข้าไปมาก



สีผสมอาหาร การเลือกใช้ ควรดูฉลากต้องมีข้อความดังนี้คือ สีผสมอาหาร ชื่อสามัญ เลขทะเบียนอาหาร ที่อยู่ของผู้ผลิต การเก็บรักษาต้องไว้ในที่แห้ง เช็ดขวดทุกครั้งเมื่อใช้เสร็จ การนำมาใช้ควรใช้ขวดแบ่งที่มีหลอดสำหรับดูด จะสะดวกเวลาที่ใช้และสีไม่เลอะขวด



อบเชย (cinnamon) มีกลิ่นหอม ใช้ดับกลิ่นคาว มี 2 ชนิด คือ ชนิดแท่งและชนิดป่น เก็บใส่ขวดปิดให้มิดชิด เก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา กลิ่นจะหอมยาวนาน



บรั่นดี (brandy) เป็นเหล้าได้จากการหมักองุ่นให้เป็นไวน์ แล้วจึงนำมากลั่นเป็นบรั่นดี จากนั้นนำไปเก็บบ่มให้ได้สี กลิ่น รสที่ดี บรั่นดีมีขายตามต้องตลาดทั่ว ๆ ไป



เหล้ารัม (rum) รัมเป็นเหล้าที่กลั่นจากอ้อยหรือกากน้ำตาล รัมแยกตามความนิยมเป็น 3 ชนิด คือ



- รัมขาว (light rum)เป็นรัมที่มีสีใสบางชนิด ไม่ต้องเก็บบ่ม เหมาะสำรับนำไปผสม ค็อลเทลที่ไม่ต้องการให้สีเปลี่ยน



- รัมทอง (gold rum) เป็นรัมที่มีสีเหลืองใส ได้จากการเก็บบ่มไว้ในถังไม้โอ๊กเพื่อให้เกิดสีหรือผสมสี กลิ่น รสชาติ ด้วยคาราเมลที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาลเป็นสีเหลืองทอง เพื่อให้ได้เหล้าที่มีกลิ่น สี รสชาติมากขึ้นกว่าเดิม



- รัมดำ (dark rum) เป็นรัมที่มีสีเกือบดำ ได้จากการเก็บบ่มไว้ในถังไม้โอ๊กเพื่อให้เกิดสีและผสมกับคาราเมลที่ได้จากการเคี่ยวน้ำตาลจนเป็นสีดำเกือบไหม้ จะได้กลิ่นและรสชาติมากขึ้น




การแปลงสูตร อุณหภูมิ และส่วนผสมทดแทน

การชั่งตวงวัด



1 ถ้วย = 16 ช้อนโต๊ะ



1 ช้อนโต๊ะ = 3 ช้อนชา



1 ควอร์ท = 4 ถ้วย



1 ไพน์ = 2 ถ้วย



1 เดซิลิตร = 100 มิลลิลิตร



1 ออนซ์ = 28 กรัม



8 ออนซ์ของเหลว (fluid ounce) = 1 ถ้วยตวงของเหลว (liquid cup)




การเปลี่ยนหน่วยให้เป็นน้ำหนัก



แป้งสาลีเอนกประสงค์ 1 ถ้วย = 110 กรัม



แป้งเค้ก 1 ถ้วย = 95 กรัม



แป้งขนมปัง 1 ถ้วย = 135 กรัม



น้ำตาลทราย = 225 กรัม



น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วย = 200 กรัม



เนย หรือ มาการีน 1 ถ้วย = 227 กรัม



เนย หรือ มาการีน 1 ช้อนโต๊ะ = 14 กรัม



ผงโกโก้ 1 ถ้วย = 125 กรัม



ผงโกโก้ 1 ช้อนโต๊ะ = 8 กรัม



ยีสต์แห้ง 1 ช้อนชา = 4 กรัม




การเปลี่ยนอุณหภูมิ



200 F = 95 C



212 F = 100 C



225 F = 110 C



240 F = 115 C



250 F = 120 C



275 F = 135 C



300 F = 150 C



320 F = 160 C



325 F = 165 C



350 F = 175 C



375 F = 190 C



400 F = 205 C



425 F = 220 C



450 F = 230 C




ส่วนผสมทดแทน



แป้งสาลีเอนกประสงค์ 1 ถ้วย = แป้งเค้ก 1 ถ้วย กับอีก 2 ช้อนโต๊ะ



แป้งเค้ก 1 ถ้วย = แป้งสาลีเอนกประสงค์ 7/8 ถ้วย(1 ถ้วยแล้วตักออก 2 ช้อนโต๊ะ) เอามาร่อน 2 ครั้ง



แป้งSelf-Rising 1 ถ้วย = แป้งสาลีเอนกประสงค์ 7/8 ถ้วย + ผงฟู 1 1/2 ช้อนชา + เกลือ 1 ช้อนชา



ผงฟู 1 ช้อนชา 

= เบคกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา + ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/2 ช้อนชา + แป้งข้าวโพด 1/4 ช้อนชา


ครีมออฟทาร์ทาร์ 1 ช้อนชา = น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา



เนยเค็ม 1 ถ้วย = เนยจืด 1 ถ้วย + เกลือ 1/2 ช้อนชา



Heavy Cream 1 ถ้วย 

= วิปปิ้งครีม 1 ถ้วย หรือ นม 2/3 ถ้วย + เนยจืดละลาย 1/3 ถ้วย


Half & Half Cream 1 ถ้วย = วิปปิ้งครีม 1/2 ถ้วย + นม 1/2 ถ้วย หรือ นม 7/8 ถ้วย + เนยจืดละลาย 2 ช้อนโต๊ะ



นมข้นจืด 1 ถ้วย = นม 1/2 ถ้วย + น้ำ 1/2 ถ้วย



Buttermilk 1 ถ้วย= น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ + นมในปริมาณที่ทำให้ครบ 1 ถ้วยพอดี ผสมกันแล้วทิ้งไว้ 5 -10 นาทีจึงนำมาใช้



Sour Cream 1 ถ้วย 

= โยเกิร์ต 1 ถ้วย หรือ น้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ + วิปปิ้งครีมในปริมาณที่ทำให้ครบ 1 ถ้วยพอดี ผสมกันแล้วทิ้งไว้ 5 -10 นาทีจึงนำมาใช้


Mascarpone Cheese 1 1/4 ถ้วย = ครีมชีส 1 ก้อน + ซาวด์ครีม 3 ช้อนโต๊ะ + วิปปิ้งครีม 2 ช้อนโต๊ะ



Bittersweet or Semi-Sweet Chocolate 1 ออนซ์ = Unsweetened Chocolate 1/2 ออนซ์ + น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ



Milk Chocolate 1 ออนซ์ = Bittersweet or Semi-Sweet Chocolate 1/2 ออนซ์ + น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ



Unsweetened Chocolate 1 ออนซ์ 

= ผงโกโก้ 3 ช้อนโต๊ะ + shortening หรือน้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ


Allspice 1 ช้อนชา = อบเชย 1/2 ช้อนชา + ขิงผง 1/4 ช้อนชา + กานพลู 1/4 ช้อนชา



Almond Meal 1 ถ้วย = ถั่วอัลมอนด์ 1 ถ้วย + น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ นำไปปั่นรวมกันจนละเอียด



Corn Syrup 1 ถ้วย 

= น้ำตาลทราย 1 1/4 ถ้วย + น้ำ 1/3 ถ้วย ต้มรวมกันจนเป็น soft ball หรือ น้ำผึ้ง 1 ถ้วย


Molasses 1 ถ้วย = น้ำตาลทรายแดง 3/4 ถ้วย + น้ำ 1/4 ถ้วย ต้มให้ละลาย



เหล้ารัม 2 ช้อนโต๊ะ = Rum Extract 1 ช้อนชา + น้ำเปล่าในปริมาณที่ทำให้ครบ 2 ช้อนโต๊ะ หรือ น้ำสับปะรด 2 ช้อนโต๊ะ



เหล้าAmaretto 2 ช้อนโต๊ะ 

= Almond Extract 1/2 ช้อนชา + น้ำเปล่าในปริมาณที่ทำให้ครบ 2 ช้อนโต๊ะ


เหล้าส้ม 2 ช้อนโต๊ะ = น้ำส้ม 2 ช้อนโต๊ะ + Orange Extract 1/2 ช้อนชา



เหล้าKahlua = Chocolate Extract 1/2 ช้อนชา + กาแฟผง 1 ช้อนชาที่ชงกับน้ำ 2 ช้อนโต๊ะ






การเทียบอัตราส่วนระหว่างน้ำหนักกับการตวงในการทำเบเกอรี่



แบบที่1 

1 ช้อนโต๊ะ=3 ช้อนชา
1 ถ้วย=16 ช้อนโต๊ะ
1 กิโลกรัม=2.21 ปอนด์
1 ปอนด์=454 กรัม
1 ปอนด์=16 ออนซ์



เนย

1 ออนซ์=2 ช้อนโต๊ะ
1 ถ้วย=8 ออนซ์
1 ถ้วย=1/2 ปอนด์
1 ถ้วย=227 กรัม




น้ำตาลทรายขาวละเอียด

1 ถ้วย=180 กรัม
2 1/2 ถ้วย=1 ปอนด์




น้ำตาลทรายแดง

1 ถ้วย=185 กรัม
2 2/5 ถ้วย=1 ปอนด์




เม็ดมะม่วงหิมพานต์

1ถ้วย(ยังไม่บด) เท่ากับ 130กรัม
1ถ้วย(บดแล้ว) เท่ากับ140กรัม




ถั่วลิสงคั่ว

1ถ้วย(ยังไม่บด) เท่ากับ120กรัม
1ถ้วย(บดแล้ว) เท่ากับ 125กรัม




แป้งเค้ก โดยเฉลี่ย

1 ถ้วย(ยังไม่ร่อน) เท่ากับ 105กรัม
1ถ้วย (ร่อนแล้ว) เท่ากับ 90กรัม




แป้งเอนกประสงค์โดยเฉลี่ย

1ถ้วย(ยังไม่ร่อน) เท่ากับ 115กรัม

ถ้วย(ร่อนแล้ว) เท่ากับ 100กรัม




ผงฟู

1ช้อนชา เท่ากับ 2.5กรัม




โซดาไบคาร์บอเนต

1ช้อนชา เท่ากับ 3กรัม




ลูกเกด 

1ถ้วย(ยังไม่หั่น) เท่ากับ 145กรัม
1ถ้วย (หั่นแล้ว) เท่ากับ 150กรัม



อินทผลัม

1ถ้วย (แกะแต่เนื้อ) เท่ากับ120กรัม
1ถ้วย (แกะและหั่น) เท่ากับ 135กรัม




น้ำ

1ถ้วย เท่ากับ 220กรัม






แบบที่2



มาตราส่วนทั่วไป 



3 ช้อนชา = 1 ช้อนโต๊ะ 

2 ช้อนโต๊ะ = 1 / 8 ถ้วยตวง 
4 ช้อนโต๊ะ = 1/ 4 ถ้วยตวง 
12 ช้อนโต๊ะ = 3/ 4 ถ้วยตวง 
16 ช้อนโต๊ะ = 1 ถ้วยตวง 
1 ไพน์ = 2 ถ้วย 
1 ควอท = 4 ถ้วย 
1 แกลลอน = 4 ควอท 
1 ออนซ์ (ของเหลว) = 2 ช้อนโต๊ะ 
1 ถ้วย = 8 ออนซ์ 
1 ออนซ์ (ของแห้ง) = 28.3 กรัม 
1 ปอนด์ = 16 ออนซ์ หรือ 454 กรัม 
1 กิโลกรัม = 2.2 ปอนด์ 



มาตราส่วนสำหรับแป้งสาลี 

แป้งขนมปัง (ตราห่าน) 1 ถ้วย = 110 กรัม 
แป้งเอนกประสงค์ (ตราว่าว) 1 ถ้วย = 95 กรัม 
แป้งเค้ก (ตราพัดโบก) 1 ถ้วย = 90 กรัม 
แป้งสาลีชนิดเบาที่สุด (ตราบัวแดง)
ถ้วย = 90 กรัม 
แป้ง Whole Wheat 1 ถ้วย = 70 กรัม 
แป้งข้าวโพด 1 ถ้วย = 100 กรัม 
ข้าวโอ๊ต 1 ถ้วย = 75 กรัม 



มาตราส่วนสำหรับส่วนผสมชนิดอื่น ๆ 

(1) น้ำตาล 
น้ำตาลทราย 1 ถ้วย = 185 กรัม 
น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วย = 180 กรัม 
น้ำตาลไอซิ่ง 1 ถ้วย = 85 กรัม 
น้ำผึ้ง 1 ถ้วย = 300 กรัม 



(2) ไขมัน 

เนยสด (หรือมาการีน) 1 ถ้วย = 200 กรัม 
เนยขาว 1 ถ้วย = 185 กรัม 
Peanut Butter 1 ถ้วย = 240 กรัม 
Pastry Margarine 1 ถ้วย = 200 กรัม 
น้ำมันพืช 1 ถ้วย = 200 กรัม 



(3) ไข่ 

ไข่ไก่ (ขนาดกลาง) 1 ฟอง = 50 กรัม 
ไข่แดง 1 ฟอง = 17 กรัม 
ไข่ขาว 1 ฟอง = 33 กรัม 



(4) นมและผลิตภัณฑ์นม 

นมข้นจืดระเหย 1 ถ้วย = 240 กรัม 
นมผงขาดมันเนย 1 ถ้วย = 120 กรัม 
ครีมข้น 1 ถ้วย = 225 กรัม 
วิปปิ้งครีมสด 1 ถ้วย = 200 กรัม 



(5) สารขึ้นฟู 

ยีสต์แห้ง 1 ช้อนโต๊ะ = 7 กรัม 
โซดาไบคาร์บอเนต (Baking Soda) 1 ช้อนโต๊ะ = 10 กรัม 
ผงฟู (Baking Powder) 1 ช้อนโต๊ะ = 8 กรัม 
ครีมออฟทาร์ทาร์ (Cream of Tartar) 1 ช้อนโต๊ะ = 7 กรัม 
แอมโมเนีย (เช้าก่า) 1 ช้อนโต๊ะ = 10 กรัม 



(6) เบ็ดเตล็ด 

ผงโกโก้ 1 ถ้วย = 65 กรัม 
Chocolate สำเร็จรูป 1 ถ้วย = 200 กรัม 
Chocolate สำเร็จรูปสำหรับแต่งหน้า 1 ถ้วย = 120 กรัม 



น้ำ 1 ถ้วย = 225 กรัม 

วานิลา 1 ช้อนโต๊ะ = 10 กรัม 
กาแฟสำเร็จรูป 1 ช้อนโต๊ะ = 2 กรัม 
น้ำใบเตยคั้นข้น 1 ช้อนโต๊ะ = 15 กรัม 
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ = 10 กรัม 






แบบที่3

มาตรส่วนเปรียบเทียบน้ำหนักและการตวง ของ UFM



แป้งพัดโบก,บัวแดง 1 ถ.= 90 ก. , 3/4 = 67.5 , 2/3 = 60 , 1/2 = 45 , 1/3 = 30 , 1/4 = 22.5 , 

1ช.ต. = 5.6


แป้งว่าว 1 ถ.= 95 ก., 3/4 = 71.3 , 2/3 = 60 , 1/2 = 47.5 , 1/3 = 31.6 , 1/4 = 23.8 , 1 ช.ต. = 5.9



แป้งห่าน 1 ถ. = 110 ก., 3/4 = 82.5 , 2/3 = 73.3 , 1/2 = 55 , 1/3 =36.6 , 1/4 = 27.5 , 1 ช.ต. = 6.8



น้ำตาลทราย 1 ถ. = 185 ก., 3/4 = 138.8 , 2/3 = 123.3 , 1/2 = 92.5 , 1/3 = 61.6 , 1/4 = 46.3 ,

1 ช.ต. = 11.5



น้ำตาลทรายแดง 1 ถ. = 180 ก., 3/4 = 135 , 2/3 = 120 , 1/2 = 90 , 1/3 = 60 , 1/4 = 45 , 1 ช.ต. = 11.3



ไอซิ่ง 1 ถ. = 100 ก., 3/4 = 75 , 2/3 = 66.6 , 1/2 = 50 , 1/3 = 33.3 , 1/4 = 25 , 1 ช.ต. = 6.2



เนยสด,มาร์การีน 1 ถ. = 200 ก., 3/4 = 150 , 2/3 = 133.3 , 1/2 = 100 , 1/3 = 66.6 , 1/4 = 50 , 

1 ช.ต. = 12.5


เนยขาว 1 ถ. = 185 ก., 3/4 = 138.8 , 2/3 = 123.3 , 1/2 = 92.5 , 1/3 = 61.6 , 1/4 = 46.3 , 1 ช.ต. = 11.5 



นมสด 1 ถ. = 244 ก., 1/2 = 122 , 1/3 = 81 , 1/4 = 61 , 1 ช.ต. = 12



นมผง 1 ถ. = 120 ก., 3/4 = 90 , 2/3 = 80 , 1/2 = 60 , 1/3 = 40 , 1/4 = 30 , 1 ช.ต. = 7.5



น้ำ 1 ถ. = 225 ก., 3/4 =168.7 , 2/3 = 150 , 1/2 = 112.5 , 1/3 = 75 , 1/4 = 56.2 , 1 ช.ต. = 14.06 



ผงโกโก้ 1 ถ. = 65 ก., 3/4 = 48.7 , 2/3 = 43.2 , 1/2 = 32.5 , 1/3 = 21.6 , 1/4 = 16.2 , 1 ช.ต. = 4.06



ยีสต์ 1 tbsp = 7 g , 1 tsp = 2.3 , 1/2 tsp = 1.1 , 1/4 tsp = 0.5



เบคกิ้งโซดา 1 tbsp = 10 , 1 tsp = 3.3 , 1/2 tsp = 1.6 , 1/4 tsp = 0.8



ผงฟู 1 tbsp = 8 , 1 tsp = 2.6 , 1/2 tsp = 1.3 , 1/4 tsp = 0.6



น้ำหอม,เกลือ,น้ำมะนาว 1 tbsp = 10 , 1 tsp = 3.3 , 1/2 tsp = 1.6 , 1/4 tsp = 0.8



พริกไทยป่น 1 tbsp = 6 , 1 tsp = 2 , 1/2 tsp = 1 , 1/4 tsp = 0.5



อบเชยป่น 1 tbsp = 3 , 1 tsp = 1 , 1/2 tsp = 0.5 , 1/4 tsp = 0.25



แป้งตราห่าน -- แป้งทำขนมปัง

แป้งตราว่าว --- คือ All-purpose 
แป้งตราบัวแดง -- แป้งสาลีชนิดพิเศษ เหมาะกับการทำปุยฝ้าย
แป้งตราพัดโบก-- แป้งเค้ก









จุดมุ่งหมายของการทำขนมอบ


การ ทำอาหาร และขนมผู้ประกอบอาหารจะทำให้ได้ผลดีต้องขึ้นอยู่ที่การฝึกฝน และรู้วิธีการทำอาหาร รู้จักดัดแปลง ตกแต่งอาหารชนิดต่าง ๆ ให้สะดุดตาสะดุดใจต่อผู้ได้พบเห็น ทำให้เกิดความอยากรับประทานอาหารเมื่อรับประทานแล้วจะต้องติดใจในรสชาติ และ กลิ่นของอาหาร การทำอาหารผู้ทำจึงควรหมั่นฝึกฝนจนเกิดความชำนาญเพื่อให้มีประสบการณ์ต่อ อาหารชนิดนั้นๆ และเพื่อเป็นการปูพื้นฐาน









 สิ่งจำเป็นในการทำขนมอบ



การประกอบอาหาร-ขนม ถ้าผู้เริ่มฝึกหัดทำรู้จักตระเตรียมงานวางแผนงานแล้ว สิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ประกอบอาหารควรศึกษา ได้แก่
1. ศึกษาจากตำรับอาหารที่ถูกต้องว่าอาหารชนิดต่าง ๆ ต้องเตรียมอะไรก่อน เตรียมอะไรทีหลัง
2. ศึกษาวิธีชั่ง ตวงให้ถูกต้อง ควรรู้จักถ้วยตวง ช้อนตวงมาตรฐานที่จะนำมาตวงอาหาร เครื่องชั่งที่ใช้ในการชั่งน้ำหนักอาหารต้องเที่ยงตรง
3. ศึกษาส่วนผสมให้ถูกต้อง เพราะเค้ก คุกกี้ พาย จะมีส่วนผสมแตกต่างกัน
4. ศึกษาวิธีการปฏิบัติอาหารชนิดนั้น ๆ ให้ถูกต้อง
5. ศึกษาการใช้เครื่องมือ เครื่องใช้ต่างๆ ให้ถูกต้องเมื่อได้ศึกษาถึงวิธีการต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว
ผู้ประกอบอาหารและขนมจะได้ประโยชน์ต่อการทำอาหารเป็นอย่างยิ่งเพราะการทำอาหารเองมีผลดี คือ
1. ได้รสดีกว่าซื้อ และได้คุณค่าอาหารตามต้องการ
2. สะอาดปราศจากเชื้อโรค เพราะเครื่องมือเครื่องใช้ ภาชนะ และเครื่องปรุงสะอาด
3. เป็นการประหยัด คือได้ของดีแต่เสียเงินน้อยไม่เหมือนผู้ทำขาย ต้องคิดกำไร
4. การทำเองเมื่อทำบ่อยๆ เข้า จะทำให้ได้ผลดีเท่า หรือดีกว่าของที่เขาทำขาย
5. เมื่อทำได้เองย่อมเกิดความภูมิใจ เกิดความสนใจอยากหัดอยากลองทำให้ดีขึ้น
6. การทำเองเป็นการทำเพื่อรับประทานจำนวนน้อยย่อมอร่อยและสะอาดกว่าอาหารที่เขาทำขาย


                                                     






สุขลักษณะในการทำขนมอบ

อาหาร เป็นทางติดต่อเชื้อโรคที่สำคัญทางหนึ่งด้วยการรับประทานอาหารเข้าไปในร่าง กาย ถ้าผู้ประกอบอาหารทำไม่สะอาดเครื่องมือเครื่องใช้ไม่สะอาด เชื้อโรคจะปนไปกับอาหารได้ ในด้านส่วนตัวของผู้ประกอบอาหาร ถ้าไม่สะอาดหรือเป็นโรคติดต่ออาหารที่ทำอาจจะเป็นพาหะทำให้ผู้บริโภคติดโรค ได้ เช่น
ก. ร่างกายผู้ปรุงอาหารต้องไม่เป็นโรคติดต่อ หรือไม่ควรให้คนที่เป็นโรคปรุงอาหาร ร่างกายของผู้ปรุงต้องสะอาด สำคัญที่สุดได้แก่ มือ ผู้ประกอบอาหารต้องล้างมือก่อนที่จะปรุงอาหาร และถ้าร่างกายส่วนอื่นๆ ไม่สะอาดก็อาจเป็นสื่อนำเชื้อโรคให้ร่วงหล่นลงไปในอาหารได
ข. เครื่องแต่งกายต้องสะอาดเพราะฝุ่นหรือสิ่งสกปรกอาจปลิวไปถูกต้องกับส่วนของ อาหารได้ ผู้ประกอบอาหารจึงควรมีผ้ากันเปื้อน ผูกเอวหรือผูกปิดหน้าอกเป็นเครื่องป้องกัน ทั้งยังเป็นการกันไม่ให้เสื้อผ้าเปื้อน และมีกลิ่นอาหารติดเสื้อผ้า





2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ29 มกราคม 2565 เวลา 02:09

    Play Free Online Casino Games at Shootercasino
    If you're looking for a place to play video slots, you're in the right place. Shoot 제왕카지노 the card game, งานออนไลน์ and start playing today! worrione

    ตอบลบ
  2. Playtech acquires Playtech for $1.2B in $1.2B deal
    Playtech 당진 출장샵 plc is betting that 영주 출장샵 new operators will be 남양주 출장마사지 able to Playtech is known 구리 출장안마 for 구미 출장샵 its technology and market share,

    ตอบลบ